SCG International https://scginternational.com/th/home-page/ Mon, 20 Oct 2025 04:22:03 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.7 https://storage.googleapis.com/scgintl-web-storage-lb2/2025/04/a4d8fff4-cropped-12b46a86-test_logo-32x32.jpg SCG International https://scginternational.com/th/home-page/ 32 32 นวัตกรรมปูนคาร์บอนต่ำ ก้าวต่อไปสู่ Green Construction https://scginternational.com/th/international-supply-chain-solutions/low-carbon-concrete-for-net-zero/ Mon, 20 Oct 2025 04:22:03 +0000 https://scginternational.com/?p=21035 โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในภาคการก่อสร้าง ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่เราทุกคนต้องเร่งแก้ไขอย่างจริงจัง ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างของไทย SCG มุ่งมั่นขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net Zero Emissions ภายในปี 2050 ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยี วัสดุ และแนวคิดที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หนึ่งในนวัตกรรมสำคัญคือปูนโครงสร้างเอสซีจีคาร์บอนต่ำ (SCG Low Carbon Structural Cement) ที่พัฒนาโดย SCG และผลักดันให้เข้าถึงระดับสากลโดย SCG International ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขยายสินค้า และโซลูชันเหล่านี้สู่ตลาดต่างประเทศ ด้วยเป้าหมายในการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมก่อสร้างทั่วภูมิภาคและทั่วโลก นวัตกรรมเพื่อเป้าหมาย Net Zero ของ SCG SCG ให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด โดยมีการตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต และเป็นหนึ่งในองค์กรชั้นนำของไทยที่มุ่งสู่ Net Zero อย่างเป็นรูปธรรม นวัตกรรมปูนโครงสร้างเอสซีจีคาร์บอนต่ำ จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ทางเลือก แต่เป็นการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมก่อสร้างสู่อนาคตที่ยั่งยืน ปูนโครงสร้างเอสซีจีคาร์บอนต่ำ ไม่ได้เป็นเพียงปูนที่ลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตเท่านั้น แต่ยังคงคุณสมบัติในเรื่องความแข็งแรง ทนทาน อีกทั้งในระดับโลก SCG International [...]

The post นวัตกรรมปูนคาร์บอนต่ำ ก้าวต่อไปสู่ Green Construction appeared first on SCG International.

]]>

โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในภาคการก่อสร้าง ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่เราทุกคนต้องเร่งแก้ไขอย่างจริงจัง ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างของไทย SCG มุ่งมั่นขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net Zero Emissions ภายในปี 2050 ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยี วัสดุ และแนวคิดที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

หนึ่งในนวัตกรรมสำคัญคือปูนโครงสร้างเอสซีจีคาร์บอนต่ำ (SCG Low Carbon Structural Cement) ที่พัฒนาโดย SCG และผลักดันให้เข้าถึงระดับสากลโดย SCG International ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขยายสินค้า และโซลูชันเหล่านี้สู่ตลาดต่างประเทศ ด้วยเป้าหมายในการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมก่อสร้างทั่วภูมิภาคและทั่วโลก

นวัตกรรมเพื่อเป้าหมาย Net Zero ของ SCG

SCG ให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด โดยมีการตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต และเป็นหนึ่งในองค์กรชั้นนำของไทยที่มุ่งสู่ Net Zero อย่างเป็นรูปธรรม นวัตกรรมปูนโครงสร้างเอสซีจีคาร์บอนต่ำ จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ทางเลือก แต่เป็นการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมก่อสร้างสู่อนาคตที่ยั่งยืน

ปูนโครงสร้างเอสซีจีคาร์บอนต่ำ ไม่ได้เป็นเพียงปูนที่ลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตเท่านั้น แต่ยังคงคุณสมบัติในเรื่องความแข็งแรง ทนทาน อีกทั้งในระดับโลก SCG International ยังเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนและผลักดันนวัตกรรมปูนคาร์บอนต่ำสู่ตลาดต่างประเทศ เพื่อให้ประเทศในเอเชียและภูมิภาคอื่น ๆ มีโอกาสเข้าถึงโซลูชันวัสดุก่อสร้างที่ช่วยลดผลกระทบต่อโลกได้เช่นกัน

นวัตกรรมปูนคาร์บอนต่ำ เพื่อสังคม Net Zero

ปูนคาร์บอนต่ำคืออะไร ?

ปูนคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Cement) คือ การผลิตปูนซีเมนต์ ด้วยลดการใช้วัตถุดิบที่ปล่อยคาร์บอนสูง เช่น ปูนเม็ด (Clinker) และแทนที่ด้วยวัสดุทดแทน เช่น เถ้าลอย หรือวัสดุจากเศษเหลือทางอุตสาหกรรมที่สามารถลด CO₂ ได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์

การลดปริมาณคาร์บอนโดยการผลิตปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ จะช่วยลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมได้อย่างมหาศาล เพราะอุตสาหกรรมผลิตปูนซีเมนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ปล่อย CO₂ สูง โดยในปี 2022 อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ปล่อย CO₂ คิดเป็นประมาณ 8% ของการปล่อย CO₂ ทั้งหมดในโลก

อย่างไรก็ตาม ปูนก็ยังเป็นวัสดุก่อสร้างที่จำเป็นและเป็นที่ต้องการจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ การคิดนวัตกรรมปูนคาร์บอนต่ำจึงเป็นหนึ่งในวิธีช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

คุณสมบัติเด่นของนวัตกรรมปูนโครงสร้างเอสซีจีคาร์บอนต่ำ

ปูนโครงสร้างเอสซีจีคาร์บอนต่ำเป็นนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างที่มีข้อดีหลายประการ ทั้งในเรื่องสิ่งแวดล้อมและประสิทธิภาพการใช้งาน ดังต่อไปนี้

  • 1

    ลดการปล่อย CO₂ ได้มากกว่าปูนทั่วไปถึง 10-30% เมื่อเทียบกับปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ทั่วไป

  • 2

    ใช้วัตถุดิบและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการใช้พลังงานสะอาดในการผลิต ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกขั้นตอน.

  • 3

    มีความแข็งแรง ทนทาน และสามารถใช้งานร่วมกับงานก่อสร้างทั่วไปได้ โดยมีหลากหลายสูตร ที่เหมาะกับงานก่อสร้างประเภทต่าง ๆ หรือใช้งานในพื้นที่ที่แตกต่างกัน อย่างพื้นที่ชายทะเล พื้นที่ดินเค็ม

  • 4

    ลดต้นทุนการก่อสร้างในระยะยาว มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และบำรุงรักษาน้อยกว่าปูนทั่วไป

  • 5

    ผ่านการรับรองมาตรฐานตามหลักสากลทั้งด้านความปลอดภัยและความยั่งยืน สามารถนำไปใช้เป็นคะแนนขอรับรองอาคารเขียวตามมาตรฐาน LEED และ TREES

เทคนิคการเลือกปูนคาร์บอนต่ำให้เหมาะกับการใช้งาน

SCG พัฒนาสูตรปูนโครงสร้างคาร์บอนต่ำให้มีคุณสมบัติหลากหลาย เพื่อรองรับลักษณะงานที่แตกต่างกัน อีกทั้งอาคารที่เลือกใช้นวัตกรรมปูนคาร์บอนต่ำยังสามารถนำไปใช้ในการขอรับรองอาคารเขียวตามมาตรฐาน LEED และ TREES ได้อีกด้วย

1. ปูนงานโครงสร้างเอสซีจีคาร์บอนต่ำ

ปูนซีเมนต์ประเภทไฮดรอลิกชนิดใช้งานทั่วไป (General Use: GU) สูตรพิเศษที่คิดค้นโดยใช้หลักวัสดุศาสตร์ (Materials Science) และเทคโนโลยีการผลิตแบบ Hybrid Technology ผสมผสานปูนเม็ด ยิปซัม ส่วนประกอบแคลเซียม และสารเพิ่มความแข็งแรง เหมาะสำหรับงานโครงสร้างรากฐาน อาคารทั่วไป

2. ปูนทนน้ำทะเลเอสซีจีคาร์บอนต่ำ

ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ปอซโซลาน สำหรับงานโครงสร้าง ออกแบบมาให้ทนต่อสภาพแวดล้อมที่มีความเค็ม เหมาะสำหรับงานก่อสร้างในพื้นที่ชายฝั่ง ท่าเรือ เขื่อน ที่ต้องสัมผัสกับไอทะเลหรือน้ำทะเล

3. ปูนงานโครงสร้างทนทานพิเศษ เอสซีจี คาร์บอนต่ำ สูตรทนดินเค็ม

ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ปอซโซลานที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้ทนทานต่อการกัดกร่อนและซึมผ่านจากสารคลอไรด์และซัลเฟต เหมาะสำหรับพื้นที่ดินเค็มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และน้ำกร่อย ช่วยป้องกันการกัดกร่อนของโครงสร้างเหล็ก และลดการแตกร้าวจากการเกิดเกลือสะสม

4. ปูนรับกำลังอัดเร็ว เอสซีจี คาร์บอนต่ำ

ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 3 ที่ออกแบบให้สามารถพัฒนากำลังอัดได้รวดเร็วช่วยให้งานเสร็จเร็วยิ่งขึ้น เหมาะกับงานที่ต้องการความรวดเร็วในการถอดแบบหรือเปิดใช้งานโครงสร้างเร็ว เช่น งานพื้นโรงงาน งานหล่อสำเร็จรูป เสาเข็ม เสาไฟฟ้า

5. ปูนงานหล่อ เอสซีจี คาร์บอนต่ำ

ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 1 ให้กำลังอัดสูง เหมาะสำหรับงานหล่อในแบบ เช่น งานหล่อเสา คาน พื้น และโครงสร้างขนาดใหญ่ ที่ต้องการความเรียบเนียนและแน่นทึบของพื้นผิวปูน เน้นการไหลลื่นและลดฟองอากาศ

Low-carbon mortar innovation applied in the 3D Modular Project.

Success Story: การนำปูนคาร์บอนต่ำมาใช้สูตรปูนก่อสร้างโครงการ 3D Modular Project

SCG มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมวัสดุก่อสร้างที่ไม่เพียงตอบโจทย์เรื่องประสิทธิภาพในการใช้งาน แต่ยังคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ซึ่งวิสัยทัศน์นี้ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างชัดเจนในนวัตกรรมปูนโครงสร้างเอสซีจีคาร์บอนต่ำ ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ Green Construction ในอนาคต

นวัตกรรมนี้ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การนำไปใช้กับงานก่อสร้างทั่วไปเท่านั้น แต่ยังได้รับการทดสอบและผลักดันผ่านโครงการต้นแบบอย่าง 3D Modular Project ซึ่งนำเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing) มาผสมผสานเข้ากับสูตรปูนคาร์บอนต่ำ เพื่อสร้างโครงสร้างโมดูลาร์ที่ทั้งประหยัดพลังงาน ทันสมัย และลดคาร์บอนฟุตพรินต์ได้จริง

การใช้ 3D Printing มอร์ตาร่วมกับปูนสูตรคาร์บอนต่ำกับเทคโนโลยี 3D Printing ไม่เพียงแต่ช่วยลดปริมาณ CO₂ ได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่ยังช่วยลดปริมาณวัสดุส่วนเกิน ลดเวลาในการก่อสร้างได้ถึง 48% เมื่อเทียบกับการก่อสร้างแบบดั้งเดิม และยังช่วยลดแรงงานหน้างานและขนส่งวัสดุซ้ำซ้อน ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยที่สนับสนุนการลดต้นทุนการก่อสร้าง รวมถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โครงการนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงตัวอย่างของความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี แต่ยังเป็นหลักฐานที่จับต้องได้ ว่า “การก่อสร้างอย่างยั่งยืน” สามารถเป็นจริงได้ ด้วยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยไม่สูญเสียประสิทธิภาพและมาตรฐานทางวิศวกรรม

The interior of the buildings in the 3D Modular Project, which utilizes low-carbon cement innovation.

SCG International มุ่งมั่นที่จะผลักดันนวัตกรรมปูนโครงสร้างเอสซีจีคาร์บอนต่ำสู่ระดับโลก

SCG International พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์ในการจัดหาและส่งมอบนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างที่ยั่งยืน โดยเฉพาะปูนคาร์บอนต่ำ ซึ่งเป็นปูนซีเมนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้รับการพัฒนาโดย SCG ผู้ผลิตปูนคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Cement Manufacturer) และพร้อมส่งต่อสู่ตลาดโลกด้วยโซลูชันซัพพลายเชนครบวงจร

  • ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ ได้รับการรับรองมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็น มอก. ใหม่ 2594-2567, SCG Green Choice, EPD International (Environmental Product Declaration), CFP (Carbon Footprint of Product) และ CFR (Carbon Footprint Reduction) เพื่อรับประกันคุณภาพและความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานระดับประเทศและสากล

  • ● รองรับงานก่อสร้างทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่

  • ● ส่งมอบตรงเวลา พร้อมการจัดการด้านซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ

สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนวัตกรรมปูนโครงสร้างเอสซีจีคาร์บอนต่ำ สามารถขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ SCG International

The post นวัตกรรมปูนคาร์บอนต่ำ ก้าวต่อไปสู่ Green Construction appeared first on SCG International.

]]>
เอสซีจี อินเตอร์ฯ ร่วมประชุมนักธุรกิจกับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซาอุฯ https://scginternational.com/th/news/scg-international-host-business-meeting-ksa-real-estate-developers-th/ Wed, 15 Oct 2025 01:39:54 +0000 https://scginternational.com/?p=20982 SCG International นำโดย คุณยงยศ ผลธนาวัฒน์ Global Commercial and Distribution Business Director พร้อมคุณพันธ์พิไล ใบหยก ผู้อำนวยการบริษัท Bangkok International Design Strategy Limited (BIDS) ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงริยาด จัดงานเลี้ยงรับรองเพื่อสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตไทย โดยภายในงานได้รับเกียรติจากคุณบุญธรรม เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงริยาด กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของซาอุดีอาระเบียเข้าร่วมอย่างคับคั่ง อาทิ มี National Housing Company, Dar Al Arkan, Emkan Holding, Tamimi Global, Al Bawani, Hassan Allam KSA, Al Hokair Group, Al Rashid Group, [...]

The post เอสซีจี อินเตอร์ฯ ร่วมประชุมนักธุรกิจกับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซาอุฯ appeared first on SCG International.

]]>

SCG International นำโดย คุณยงยศ ผลธนาวัฒน์ Global Commercial and Distribution Business Director พร้อมคุณพันธ์พิไล ใบหยก ผู้อำนวยการบริษัท Bangkok International Design Strategy Limited (BIDS) ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงริยาด จัดงานเลี้ยงรับรองเพื่อสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตไทย โดยภายในงานได้รับเกียรติจากคุณบุญธรรม เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงริยาด กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของซาอุดีอาระเบียเข้าร่วมอย่างคับคั่ง อาทิ มี National Housing Company, Dar Al Arkan, Emkan Holding, Tamimi Global, Al Bawani, Hassan Allam KSA, Al Hokair Group, Al Rashid Group, Alnagdin Diamond United Entity และ SILK รวมถึงแขกผู้มีเกียรติจากหลายภาคส่วน เพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบีย

SCG International with Thai developers in KSA 5

โดยงานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแนะนำผู้ประกอบการไทยที่มีความเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้าง สถาปัตยกรรม และภูมิสถาปัตยกรรม ให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์ของซาอุดีอาระเบีย เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและตอบสนองความต้องการของโครงการพัฒนาเมืองขนาดใหญ่ภายใต้วิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย 2030 ความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างพันธมิตรในอนาคตและขับเคลื่อนการพัฒนาธุรกิจ

The post เอสซีจี อินเตอร์ฯ ร่วมประชุมนักธุรกิจกับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซาอุฯ appeared first on SCG International.

]]>
เชื้อเพลิงชีวภาพ อนาคตพลังงานของอุตสาหกรรมการผลิต https://scginternational.com/th/international-supply-chain-solutions/th-biofuel-future-of-manufacturing-energy/ Mon, 06 Oct 2025 10:45:48 +0000 https://scginternational.com/?p=20939 การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและยั่งยืน ไม่ใช่แค่แนวโน้ม แต่คือ “ความจำเป็น” ของภาคอุตสาหกรรมในปัจจุบัน ในขณะที่พลังงานจากฟอสซิลมีแนวโน้มต้นทุนสูงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันภาครัฐและสังคมก็กดดันให้องค์กรลดการใช้คาร์บอนฟุตพรินต์ (Carbon Footprint) ด้วยเหตุนี้ “เชื้อเพลิงชีวภาพ” หรือ “พลังงานชีวมวล” จึงก้าวมาเป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและต้นทุน แต่การเปลี่ยนมาใช้พลังงานชีวมวลจำเป็นต้องมีพาร์ตเนอร์ที่จัดหาเชื้อเพลิงได้อย่างต่อเนื่อง มีคุณภาพ และคุ้มค่า อย่าง SCG International พลังงานชีวมวลคืออะไร ? ทำไมถึงมีบทบาทสำคัญในปัจจุบัน พลังงานชีวมวล (Biomass Energy) คือ พลังงานที่ผลิตจากวัสดุอินทรีย์ที่ได้จากธรรมชาติหรือของเหลือจากเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และป่าไม้ โดยนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพในการผลิตพลังงานความร้อนหรือไฟฟ้า แหล่งกำเนิดชีวมวล ได้แก่ พืชพลังงาน (ไม้โตเร็ว) เศษไม้เหลือใช้จากอุตสาหกรรม กะลาพืชผล เศษวัสดุจากภาคเกษตรอย่างแกลบ ฟาง ข้อดีของพลังงานชีวมวล เป็นพลังงานหมุนเวียนที่ยั่งยืน ลดการพึ่งพาฟอสซิล โดยเป็นการนำวัสดุที่หมุนเวียนหรือเหลือใช้จากธรรมชาติ อย่างเศษพืช เศษไม้ หรือของเหลือจากกิจกรรมทางการเกษตรมาผลิตเป็นพลังงาน ทำให้ไม่ต้องนำทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัดมาใช้ [...]

The post เชื้อเพลิงชีวภาพ อนาคตพลังงานของอุตสาหกรรมการผลิต appeared first on SCG International.

]]>

การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและยั่งยืน ไม่ใช่แค่แนวโน้ม แต่คือ “ความจำเป็น” ของภาคอุตสาหกรรมในปัจจุบัน ในขณะที่พลังงานจากฟอสซิลมีแนวโน้มต้นทุนสูงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันภาครัฐและสังคมก็กดดันให้องค์กรลดการใช้คาร์บอนฟุตพรินต์ (Carbon Footprint) ด้วยเหตุนี้ “เชื้อเพลิงชีวภาพ” หรือ “พลังงานชีวมวล” จึงก้าวมาเป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและต้นทุน แต่การเปลี่ยนมาใช้พลังงานชีวมวลจำเป็นต้องมีพาร์ตเนอร์ที่จัดหาเชื้อเพลิงได้อย่างต่อเนื่อง มีคุณภาพ และคุ้มค่า อย่าง SCG International

พลังงานชีวมวลคืออะไร ? ทำไมถึงมีบทบาทสำคัญในปัจจุบัน

พลังงานชีวมวล (Biomass Energy) คือ พลังงานที่ผลิตจากวัสดุอินทรีย์ที่ได้จากธรรมชาติหรือของเหลือจากเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และป่าไม้ โดยนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพในการผลิตพลังงานความร้อนหรือไฟฟ้า

แหล่งกำเนิดชีวมวล ได้แก่ พืชพลังงาน (ไม้โตเร็ว) เศษไม้เหลือใช้จากอุตสาหกรรม กะลาพืชผล เศษวัสดุจากภาคเกษตรอย่างแกลบ ฟาง

ข้อดีของพลังงานชีวมวล

  • เป็นพลังงานหมุนเวียนที่ยั่งยืน

    ลดการพึ่งพาฟอสซิล โดยเป็นการนำวัสดุที่หมุนเวียนหรือเหลือใช้จากธรรมชาติ อย่างเศษพืช เศษไม้ หรือของเหลือจากกิจกรรมทางการเกษตรมาผลิตเป็นพลังงาน ทำให้ไม่ต้องนำทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัดมาใช้

  • ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
    โดยทั่วไปแล้ว ชีวมวลจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าพลังงานฟอสซิล ไม่เพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนในชั้นบรรยากาศ

  • ใช้ของเหลือให้เกิดประโยชน์สูงสุด

    เป็นการนำเอาเศษวัสดุจากภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมอย่าง แกลบ ฟาง ขี้เลื่อย ที่ต้องนำไปเผาทำลายมาใช้เป็นเชื้อเพลิง เพิ่มมูลค่าของเหลือใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ลดต้นทุนด้านพลังงานในระยะยาว

    ในระยะแรกที่เปลี่ยนมาใช้พลังงานชีวมวลต้นทุนอาจจะสูงขึ้น แต่ในระยะยาว พลังงานชีวมวลจะช่วยลดต้นทุนรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • รองรับมาตรการในอนาคต

    ปัจจุบันในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย มีการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีหรือมีมาตรการสำหรับผู้ประกอบการที่ใช้พลังงานทางเลือก การเปลี่ยนมาใช้พลังงานชีวมวลจึงเป็นหนึ่งในการปรับตัวเชิงกลยุทธ์เพื่อรับมือกับกฎระเบียบใหม่ ๆ ในอนาคต

เชื้อเพลิงชีวภาพ

พลังงานชีวมวลที่ใช้ในอุตสาหกรรมมีอะไรบ้าง ?

ในภาคอุตสาหกรรม การเลือกเชื้อเพลิงชีวมวลให้เหมาะสมไม่เพียงแค่ช่วยลดต้นทุนพลังงานและคาร์บอนฟุตพรินต์ แต่ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพระบบผลิตความร้อน ความเสถียรในการเผาไหม้ และภาพลักษณ์ด้านความยั่งยืนขององค์กรอีกด้วย สำหรับผู้ที่สนใจ SCG International ให้บริการจัดหาเชื้อเพลิงชีวมวลหลากหลายรูปแบบที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ดังต่อไปนี้

ไม้สับ (Wood Chips)

หรือที่หลายคนเรียกว่า “ไม้สับเชื้อเพลิง” เป็นเศษไม้หรือไม้เนื้ออ่อนอย่างยูคาลิปตัสที่ผ่านการสับให้มีขนาดเล็ก สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงได้โดยตรง ไม่ต้องนำมาแปรรูปก่อน เหมาะกับโรงงานที่มีหม้อไอน้ำหรือเตาเผาขนาดกลางถึงใหญ่ โรงงานอาหาร โรงสีข้าว โรงงานแปรรูปไม้ หรือโรงไฟฟ้าชีวมวล

ข้อดี

มีราคาต่อหน่วยต่ำ ในราคาที่สมเหตุสมผล ที่สำคัญคือ ราคาไม่ค่อยผันผวน เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงฟอสซิล

หาได้ง่ายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นไม้ยูคาลิปตัส ไม้ยางพารา ไม้ผล หรือไม้เศรษฐกิจอื่น ๆ

ให้ความร้อนสูง และเผาไหม้สะอาด โดยให้ค่าความร้อนอยู่ที่ 2,400-3,500 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัม.

ช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชน สนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น ส่งเสริมการจ้างงาน

ข้อจำกัด

ค่าความชื้นสูง โดยไม้สับมักจะมีความชื้นอยู่ในช่วง 15-40% หากไม่ได้ผ่านกระบวนการอบแห้ง ทำให้ประสิทธิภาพในการเผาไหม้ต่ำลง และการใช้เศษไม้จากหลากหลายแหล่งที่มา ทำให้มีค่าความร้อนไม่คงที่

ต้องมีระบบจัดเก็บที่มีคุณภาพ เพื่อลดปัญหาเรื่องเชื้อรา และอาจจะมีค่าดำเนินการจัดเก็บที่ค่อนข้างสูง

ชีวมวลอัดแท่ง (Biomass Pellet/Briquettes)

เป็นวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร เช่น แกลบ ขี้เลื่อย เปลือกไม้ นำมาอัดแน่นเป็นแท่งหรือเป็นเม็ด เพื่อลดความชื้น และเพิ่มความหนาแน่นของพลังงาน เหมาะกับโรงงานที่ต้องการพลังงานความร้อนสม่ำเสมอ เช่น โรงงานอาหารสัตว์ โรงงานผลิตเซรามิก ผู้ประกอบการที่มีพื้นที่เก็บจำกัด

ข้อดี

ห้ความร้อนที่คงที่และมีประสิทธิภาพ เมื่อใช้ในระบบที่เหมาะสม เนื่องจากมีความหนาแน่นและมีรูปร่างสม่ำเสมอ โดยค่าความร้อนอยู่ที่ 4,600-6,000 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัม

เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้ได้อย่างเต็มที่ และเพิ่มรายได้ของภาคเกษตรกรรม

ข้อจำกัด

ต้องใช้เตาหรือระบบป้อนเชื้อเพลิงที่รองรับขนาดเม็ด/แท่งโดยเฉพาะ

มีราคาที่สูงกว่าไม้สับเล็กน้อย อาจจะมีต้นทุนที่สูงกว่า

ชีวมวลอัดแท่งสีดำ (Black Pellet)

Black Pellet คือ ไม้อัดแท่งที่ผ่านกระบวนการทอร์ริเฟคชัน (Torrefaction) เป็นการให้ความร้อนในสภาวะไร้ออกซิเจนทำให้มีสีดำ กันน้ำ และพลังงานสูง ค่าความร้อนใกล้เคียงถ่านหิน แต่ปล่อยคาร์บอนน้อยกว่า เหมาะกับโรงไฟฟ้าอุตสาหกรรมที่ต้องการพลังงานความร้อนสูง

ข้อดี

ค่าความร้อนสูงใกล้เคียงกับถ่านหิน ประมาณ 4,300-5,260 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัม จึงสามารถใช้ทดแทนถ่านหินในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มีค่าความชื้นต่ำ และสารระเหยน้อย เก็บรักษาได้ง่าย และใช้งานได้อย่างปลอดภัย

ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เมื่อเทียบกับถ่านหิน ช่วยลดมลพิษทางอากาศ

ข้อจำกัด

ราคาสูงกว่าเชื้อเพลิงชีวมวลทั่ว ๆ ไป เนื่องจากต้องผ่านกระบวนการอัดเม็ดที่มีคุณภาพสูง

อาจต้องนำเข้า เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีหรือกระบวนการผลิตเฉพาะ

กะลาปาล์ม (Palm Kernel Shell – PKS)

กะลาปาล์ม คือ เปลือกเมล็ดในผลปาล์ม มีลักษณะคล้ายถ่านเม็ดเล็ก เป็นเชื้อเพลิงที่เหมาะกับโรงงานปาล์ม โรงงานผลิตน้ำมัน โรงงานอุตสาหกรรมทั่วไปในภาคใต้ของไทย หม้อไอน้ำที่ออกแบบมาสำหรับเชื้อเพลิงเม็ดขนาดเล็ก

ข้อดี

ให้ค่าความร้อนสูง ประมาณ 3,800-4,400 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัม ใกล้เคียงกับถ่านหิน

ขนส่งง่าย เนื่องจากเม็ดเล็กและแห้ง และมีขี้เถ้าต่ำ น้อยกว่า 3-4%

ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เนื่องจากเป็นวัสดุเหลือใช้จากอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล

ข้อจำกัด

อาจเกิดเขม่าหรือมลพิษ หากระบบการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ กระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

กำลังการผลิตในประเทศค่อนข้างผันผวน อาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงต้องหามีผู้จัดหาวัตถุดิบจากภายนอกประเทศทดแทน

เศษวัสดุทางการเกษตร (Agricultural Waste)

ได้แก่ แกลบ ฟาง ข้าวโพด เปลือกมัน ใบอ้อย และอื่น ๆ โดยนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงโดยตรง เหมาะกับโรงไฟฟ้าชีวมวล โครงการพลังงานหมุนเวียนในพื้นที่ชนบท

ข้อดี

ใช้วัตถุดิบเหลือใช้ในท้องถิ่น เป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

ลดปัญหาการเผาทิ้ง เพื่อกำจัดเศษวัสดุ ลดปัญหามลพิษทางอากาศ

ต้นทุนต่ำ และมีจำนวนมาก สามารถหาได้ในพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งในไทยมีเศษวัสดุเหลือทิ้งหลายสิบล้านตันต่อปี

ข้อจำกัด

คุณภาพไม่สม่ำเสมอ มีความผันผวนตามฤดูกาลและพื้นที่ปลูก ทำให้ขาดวัตถุดิบสำหรับผลิตเชื้อเพลิงที่ต่อเนื่อง

มีความชื้นสูง ทำให้ประสิทธิภาพการเผาไหม้ลดลง ต้องมีระบบอบแห้งหรือคลังเก็บที่ดี

 

SCG International ผู้นำด้านการจัดหาเชื้อเพลิงชีวมวล

ผู้ชายกำลังใส่เชื้อเพลิงชีวภาพลงไปในเตาเผา

เปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาดอย่างมั่นใจ เลือก SCG International พาร์ตเนอร์ด้านเชื้อเพลิงชีวภาพที่คุณไว้วางใจ เราพร้อมเป็นพาร์ตเนอร์คนสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้เชื้อเพลิงชีวมวลคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นไม้สับ เชื้อเพลิงอัดแท่ง กะลาปาล์ม หรือ Black Pellet เรามีทีมงานมืออาชีพที่คัดสรรเชื้อเพลิงทางเลือก (Alternative Fuel Supplier) จากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ พร้อมวางแผนซัพพลายเชนให้คุณตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

  • มีความเชี่ยวชาญในการจัดหาเชื้อเพลิงชีวมวลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ทั่วโลกด้วยประสบการณ์กว่า 45 ปีด้านโซลูชันซัพพลายเชน เราช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงพลังงานชีวมวลที่คุ้มค่า มีคุณภาพ พร้อมลดความซับซ้อนในกระบวนการจัดซื้อ

  • เครือข่ายซัพพลายเออร์ที่ผ่านการรับรองในระดับสากล มีทีมงานในพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าได้มาตรฐานด้านคุณภาพ ความยั่งยืน และความน่าเชื่อถือในทุกขั้นตอนของซัพพลายเชน

  • จัดจำหน่ายพลังงานทางเลือกที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล เช่น FSC และ GGL พร้อมแหล่งที่มาชัดเจนและมาจากการจัดหาอย่างมีจริยธรรม เหมาะสำหรับการใช้งานในระดับอุตสาหกรรม เช่น ปูนซีเมนต์ บรรจุภัณฑ์ โรงไฟฟ้า และหม้อไอน้ำ พร้อมบริการตรวจสอบประสิทธิภาพการเผาไหม้อย่างครบวงจร

  • ดูแลกระบวนการซัพพลายเชนตั้งแต่ต้นทางจนถึงการส่งมอบ ด้วยระบบที่ราบรื่นและยืดหยุ่น พร้อมตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทั้งสะดวกและมีประสิทธิภาพ

หากสนใจจัดหาเชื้อเพลิงชีวมวลมาใช้ในธุรกิจ สามารถขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ SCG International

The post เชื้อเพลิงชีวภาพ อนาคตพลังงานของอุตสาหกรรมการผลิต appeared first on SCG International.

]]>
การจัดหาหินวีเนียร์สำหรับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ https://scginternational.com/th/international-supply-chain-solutions/stone-veneer-sourcing-challenges/ Mon, 06 Oct 2025 03:08:50 +0000 https://scginternational.com/?p=20915 อุตสาหกรรมก่อสร้างทั่วโลกมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในภาคอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ อาคารสำนักงาน และโครงการพัฒนาเมือง ทำให้ความต้องการด้านวัสดุตกแต่งคุณภาพสูงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งหนึ่งในวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างมากก็คือ "หินวีเนียร์ธรรมชาติ" ที่ให้ทั้งความหรูหรา ความทนทาน และความยืดหยุ่นในการใช้งาน อย่างไรก็ตาม การจัดหาหินวีเนียร์ในปริมาณมากเพื่อรองรับโครงการขนาดใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากเป็นหินธรรมชาติที่ต้องมีการจัดหาจากแหล่งที่มีคุณภาพ ทำให้เกิดความท้าทายหลายด้านที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญ แผ่นวีเนียร์หินธรรมชาติ (Natural Stone Veneer) ความงามอันเป็นเอกลักษณ์ แผ่นวีเนียร์หินธรรมชาติ (Natural Stone Veneer) เป็นหนึ่งในวัสดุก่อสร้างที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ด้วยความสวยงามและดูหรูหรา ทำให้โครงการขนาดใหญ่หลายแห่งเลือกใช้ โดยมีคุณสมบัติที่สำคัญดังนี้ ความสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยลวดลายและสีสันของหินวีเนียร์ที่ไม่มีซ้ำ สร้างความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ เสริมให้อาคารดูหรูหราและทันสมัย น้ำหนักเบา เมื่อเปรียบเทียบกับหินธรรมชาติแบบเต็มแผ่น แผ่นวีเนียร์จะมีน้ำหนักเบากว่า ทำให้การติดตั้งสะดวกและง่าย ทนทาน แผ่นวีเนียร์หินธรรมชาติมีความทนทานต่อการขีดข่วน การกัดกร่อน และสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ตั้งแต่ร้อนจัดไปจนถึงเย็นจัด ดูแลรักษาง่าย วีเนียร์หินธรรมชาติสามารถทำความสะอาดได้ง่าย และไม่ต้องการการบำรุงรักษามากนัก ความยืดหยุ่นในการใช้งาน [...]

The post การจัดหาหินวีเนียร์สำหรับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ appeared first on SCG International.

]]>

อุตสาหกรรมก่อสร้างทั่วโลกมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในภาคอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ อาคารสำนักงาน และโครงการพัฒนาเมือง ทำให้ความต้องการด้านวัสดุตกแต่งคุณภาพสูงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งหนึ่งในวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างมากก็คือ “หินวีเนียร์ธรรมชาติ” ที่ให้ทั้งความหรูหรา ความทนทาน และความยืดหยุ่นในการใช้งาน อย่างไรก็ตาม การจัดหาหินวีเนียร์ในปริมาณมากเพื่อรองรับโครงการขนาดใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากเป็นหินธรรมชาติที่ต้องมีการจัดหาจากแหล่งที่มีคุณภาพ ทำให้เกิดความท้าทายหลายด้านที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญ

แผ่นวีเนียร์หินธรรมชาติ (Natural Stone Veneer)
ความงามอันเป็นเอกลักษณ์

แผ่นวีเนียร์หินธรรมชาติ (Natural Stone Veneer) เป็นหนึ่งในวัสดุก่อสร้างที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ด้วยความสวยงามและดูหรูหรา ทำให้โครงการขนาดใหญ่หลายแห่งเลือกใช้ โดยมีคุณสมบัติที่สำคัญดังนี้

  • ความสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์
    ด้วยลวดลายและสีสันของหินวีเนียร์ที่ไม่มีซ้ำ สร้างความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ เสริมให้อาคารดูหรูหราและทันสมัย

  • น้ำหนักเบา
    เมื่อเปรียบเทียบกับหินธรรมชาติแบบเต็มแผ่น แผ่นวีเนียร์จะมีน้ำหนักเบากว่า ทำให้การติดตั้งสะดวกและง่าย

  • ทนทาน
    แผ่นวีเนียร์หินธรรมชาติมีความทนทานต่อการขีดข่วน การกัดกร่อน และสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ตั้งแต่ร้อนจัดไปจนถึงเย็นจัด

  • ดูแลรักษาง่าย
    วีเนียร์หินธรรมชาติสามารถทำความสะอาดได้ง่าย และไม่ต้องการการบำรุงรักษามากนัก

  • ความยืดหยุ่นในการใช้งาน
    สามารถใช้ตกแต่งทั้งภายในและภายนอกอาคาร เช่น ผนัง พื้น และฟาซาด

  • คงเสน่ห์ของหินธรรมชาติ
    รักษาคุณสมบัติของหิน ดูมีน้ำหนัก และการใช้งานที่สะดวกขึ้น

เบื้องหลังความสวยงามที่เต็มไปด้วยความท้าทาย

แม้หินวีเนียร์จะได้รับความนิยมสูงจากนักออกแบบและผู้พัฒนาโครงการ แต่หินวีเนียร์กลับมีความท้าทายในการจัดหาที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญเพื่อนำมาใช้ในอุตสาหกรรมหรือโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องใช้ในปริมาณมาก

ความต้องการสูง แต่แหล่งผลิตจำกัด

หินวีเนียร์เป็นวัสดุตกแต่งที่ได้รับความนิยมสูงจากนักออกแบบและผู้พัฒนาโครงการ ทำให้เกิดความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก แต่แหล่งวัตถุดิบธรรมชาติที่เหมาะสมในการผลิตหินวีเนียร์นั้นมีอย่างจำกัด ทำให้เกิดภาวะขาดตลาดได้ง่าย
ความท้าทายที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญคือ ต้องจัดหาแหล่งผลิตที่มีปริมาณหินธรรมชาติจำนวนมาก เพื่อให้สีของหินและลวดลายมีความสม่ำเสมอ เนื่องจากโครงการขนาดใหญ่ต้องใช้หินวีเนียร์จำนวนมาก หากลวดลายหรือสีของหินวีเนียร์แตกต่างกันมาก อาจจะทำให้อาคารหรือสถานที่ขาดความสวยงามได้

ความไม่แน่นอนของปัจจัยภายนอก

ในการจัดหาหินวีเนียร์มักมีปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ ทั้งจากภัยพิบัติจากธรรมชาติ การแพร่ระบาดของโรคติดต่อ การขัดแข้งทางการเมือง และปัญหาด้านโลจิสติกส์ ทำให้ไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนด สำหรับโครงการขนาดใหญ่ และต้องก่อสร้างให้เสร็จตามกำหนด ความล่าช้าเพียงเล็กน้อยก็จะส่งผลต่อต้นทุนจำนวนมหาศาลได้เช่นเดียวกัน

คุณภาพไม่สม่ำเสมอ

ด้วยความที่หินวีเนียร์เป็นวัสดุธรรมชาติ จึงต้องจัดหาวัสดุให้ตรงตามสเปกที่ได้ระบุไว้ และมีความสม่ำเสมอเท่ากันทุกลอต จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมากในการจัดหา
ดังนั้นการเลือกแหล่งผลิตที่มีมาตรฐานสูงและเชื่อถือได้จะช่วยให้ได้หินที่มีคุณภาพดีและสม่ำเสมอ ซึ่งรวมไปถึงการตรวจสอบคุณภาพที่ได้มาตรฐาน ควบคู่ไปกับการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยช่วยในการตัดและผลิตหินได้อย่างแม่นยำและสม่ำเสมอกัน นอกจากนี้ หินวีเนียร์ธรรมชาติอาจเจอกับความหนาที่ไม่เท่ากัน ที่บางจุดอาจบางเกินไป ทำให้หินบริเวณที่เป็นรู ดังนั้นจำเป็นต้องมีทีม QC ที่มีความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบ อีกทั้งหากโรงงานไม่สามารถควบคุมคุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐานได้ ยังอาจต้องเจอกับการตัดแผ่นหินที่ไม่ได้ไซซ์ตามที่ต้องการอีกด้วย

Stone veneer applications in large-scale building projects

ส่องแหล่งผลิตหินวีเนียร์ชั้นนำจากทั่วโลก

แหล่งผลิตหินวีเนียร์มีหลากหลายแห่งทั่วโลก ซึ่งแต่ละแห่งมีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างและซ้ำแบบกัน สามารถเลือกได้ตามความต้องการ

  • อินเดีย เป็นแหล่งผลิตหินธรรมชาติชั้นนำของโลก มีเหมืองหินขนาดใหญ่ และมีหินลวดลายที่หลากหลายมากที่สุดในโลก คุณภาพระดับพรีเมียม
  • เยอรมนี แหล่งผลิตหินวีเนียร์คุณภาพสูง สามารถแปรรูปหินควอตซ์ หินชนวน และหินทรายธรรมชาติให้กลายเป็นแผ่นที่มีคุณภาพเท่ากันทุกลอต ตามมาตรฐาน CE
  • จีน ผู้ผลิตและส่งออกหินธรรมชาติรายใหญ่ของโลก โดยมีโรงงานแปรรูปหินวีเนียร์จำนวนมาก และส่งออกไปยังตลาดโลก สามารถรองรับคำสั่งซื้อขนาดใหญ่
  • บราซิล มีแหล่งหินธรรมชาติขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหินแกรนิตและหินควอตซ์ ซึ่งนิยมนำมาใช้ผลิตหินวีเนียร์
  • อิตาลี มีชื่อเสียงด้านหินอ่อนและเทคโนโลยีการแปรรูปหิน โดยเฉพาะหินวีเนียร์คุณภาพสูง มักใช้ในโครงการที่หรูหราระดับไฮเอน

โซลูชันจาก SCG International สำหรับการจัดหาหินวีเนียร์

SCG International เป็นผู้ให้บริการจัดหาหินวีเนียร์ธรรมชาติคุณภาพสูงจากแหล่งผลิตที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก โดยเฉพาะจากประเทศอินเดีย ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องหินวีเนียร์ที่มีความงามเฉพาะตัวและมาตรฐานการผลิตระดับสากล
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 45 ปีในการจัดหาและบริหารห่วงโซ่อุปทานวัสดุก่อสร้างระดับสากล เราเข้าใจถึงความซับซ้อนของการจัดหาหินวีเนียร์สำหรับโครงการขนาดใหญ่ และก้าวข้ามความท้าทายในการจัดหาหินวีเนียร์ดังนี้

ผลิตภัณฑ์มีความหลากหลายตอบสนองทุกความต้องการ

SCG International มีบริการจัดหาหินวีเนียร์หลากหลายประเภท รองรับทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการนำไปใช้กับผนัง เพดาน การตกแต่งภายในและภายนอก มีเฉดสีให้เลือกมากกว่า 40 แบบ

  • หินชนวน (Slate) : พื้นผิวสวยงาม ทนทาน เหมาะสำหรับงานตกแต่งภายในและภายนอก
  • หินควอร์ตไซต์ (Quartzite) : แข็งแรงพิเศษ มีประกายแสงจากผลึกธรรมชาติ
  • หินอ่อน (Marble) : หรูหรา นิยมใช้ในงานตกแต่งอาคารระดับพรีเมียม มีลวดลายและสีสันที่งดงามและทรงเสน่ห์
  • หินปูน (Limestone) : แข็งแรง สีสวย ดูคลาสสิก เหมาะสำหรับโครงการที่ต้องการความอบอุ่น
  • หินทราย (Sandstone) : ทนต่อสภาพอากาศ ใช้ได้ทั้งงานภายนอกและภายใน เหมาะสำหรับงานที่ต้องการให้ดูเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ระบบการควบคุมคุณภาพแบบ End-to-End

SCG International has a local presence in several countries, particularly in major production hubs like India.

  • มีการ Verify Supplier ในด้าน Quality & Reliable & Capacity อย่างเข้มงวด รวมถึงมีการตรวจสอบมาตรฐาน ISO และใบรับรองต่าง ๆ
  • มีทีม QC ในพื้นที่ ที่ผ่านการฝึกอบรมเฉพาะทาง ตรวจสอบตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต การตัด การบรรจุ และจัดส่งสินค้า.
  • ทำ End to End Supply Chain ระหว่างประเทศ ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับสินค้าคุณภาพสม่ำเสมอ ไม่มีปัญหาในการนำไปติดตั้ง ใช้งานจริง เรามีประสบการณ์มากกว่า 45 ปีในการจัดหาและบริหารห่วงโซ่อุปทานวัสดุก่อสร้างระดับสากล ช่วยให้ผู้ประกอบการมั่นใจในด้านการจัดซื้อ การควบคุมคุณภาพ การส่งมอบตรงเวลา และการวางแผนระยะยาว

ทุกดีเทลสะท้อนความหรูหราของโครงการ วัสดุตกแต่งต้องพร้อม ไม่เป็นจุดอ่อน

โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ระดับพรีเมียม ทุกรายละเอียดล้วนแล้วแต่มีความสำคัญ วัสดุตกแต่งจะไม่ใช่แค่สวยงามและดูหรูหราเท่านั้น แต่ต้องสะท้อนถึงมาตรฐานและคุณภาพของโครงการในภาพรวม หลายโครงการจึงตัดสินใจเลือกใช้หินวีเนียร์ธรรมชาติ แต่ความท้าทายที่จำเป็นต้องเผชิญคือ การหาพาร์ตเนอร์ที่เข้าใจความซับซ้อนของการจัดหาหินวีเนียร์ และสามารถรับประกันคุณภาพของวัสดุได้อย่างแท้จริง
SCG International พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์ด้านการจัดหาหินวีเนียร์ธรรมชาติ (Natural Stone Veneer Supplier) ที่ไม่เพียงสวย แต่ใช้งานได้จริงในทุกหน้างาน สนใจโซลูชันหินวีเนียร์คุณภาพระดับโลก พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญของเราได้เลย

The post การจัดหาหินวีเนียร์สำหรับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ appeared first on SCG International.

]]>
โซลูชันจัดหาแป้งข้าวโพด ในยุคที่โลกมีความผันผวน https://scginternational.com/th/international-supply-chain-solutions/corn-starch-global-sourcing-challenges/ Fri, 03 Oct 2025 10:09:55 +0000 https://scginternational.com/?p=20900 ตลาดแป้งข้าวโพด (Corn Starch) ในตลาดโลก เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีแนวโน้มว่าจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เพราะจากรายงานการวิจัยเรื่อง "Corn Starch Market Size and Share Analysis - Growth Trends and Forecast Report 2025-2033" โดย Research and Markets แสดงให้เห็นว่า ในปี 2024 มูลค่าตลาดแป้งข้าวโพดสูงถึง 21.99 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดการณ์ว่าจะสูงถึง 43.74 พันล้านดอลลาร์ในปี 2033 ด้วยอัตราการเติบโต 7.94% ต่อปี ทำให้แป้งข้าวโพดกลายเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ส่งเสริมภาคธุรกิจ เนื่องจากถูกนำมาใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม ยา และวัสดุชีวภาพ อย่างไรก็ตาม ความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นนี้กลับมาพร้อมกับความท้าทายในการจัดหาที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่สถานการณ์โลกมีความผันผวนต่อ Supply Chain ที่อาจส่งผลต่อแนวโน้มการจัดหาแป้งข้าวโพด จนขาดความต่อเนื่องในที่สุด [...]

The post โซลูชันจัดหาแป้งข้าวโพด ในยุคที่โลกมีความผันผวน appeared first on SCG International.

]]>

ตลาดแป้งข้าวโพด (Corn Starch) ในตลาดโลก เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีแนวโน้มว่าจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เพราะจากรายงานการวิจัยเรื่อง “Corn Starch Market Size and Share Analysis – Growth Trends and Forecast Report 2025-2033” โดย Research and Markets แสดงให้เห็นว่า ในปี 2024 มูลค่าตลาดแป้งข้าวโพดสูงถึง 21.99 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดการณ์ว่าจะสูงถึง 43.74 พันล้านดอลลาร์ในปี 2033 ด้วยอัตราการเติบโต 7.94% ต่อปี ทำให้แป้งข้าวโพดกลายเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ส่งเสริมภาคธุรกิจ เนื่องจากถูกนำมาใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม ยา และวัสดุชีวภาพ อย่างไรก็ตาม ความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นนี้กลับมาพร้อมกับความท้าทายในการจัดหาที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่สถานการณ์โลกมีความผันผวนต่อ Supply Chain ที่อาจส่งผลต่อแนวโน้มการจัดหาแป้งข้าวโพด จนขาดความต่อเนื่องในที่สุด

Global Events ที่ส่งผลกระทบต่อ Supply Chain

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ มีสถานการณ์ต่าง ๆ มากมายทั่วโลกที่ส่งผลต่อ Supply Chain และส่งผลให้เกิดปัญหาการจัดหาแป้งข้าวโพด ไม่ว่าจะเป็น

ความไม่แน่นอนจากสงครามและความตึงเครียดทางการเมือง

  • ความตึงเครียดการค้าจีน-สหรัฐ :
    ความตึงเครียดการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดแป้งข้าวโพดทั่วโลก เนื่องจากทั้งสองประเทศเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดข้าวโพดระดับโลก นโยบายการค้าและการเรียกเก็บภาษีนำเข้าที่เปลี่ยนแปลงไปมา ส่งผลโดยตรงต่อราคาและการเข้าถึงวัตถุดิบ ในขณะที่ความไม่แน่นอนในข้อตกลงการค้า ทำให้ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับความเสี่ยงในการวางแผนธุรกิจระยะยาว

  • สงครามรัสเซีย-ยูเครน :
    สงครามรัสเซีย-ยูเครนเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานแป้งข้าวโพด อีกทั้งความขัดแย้งนี้ไม่เพียงกระทบต่อการผลิตข้าวโพดในภูมิภาคยุโรปตะวันออกเท่านั้น แต่ยังทำให้ต้นทุนการขนส่งและพลังงานเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตแป้งข้าวโพดปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย

การเปลี่ยนแปลงพลวัตของตลาดในเอเชีย

การเปลี่ยนแปลงบทบาทของอินเดียในตลาดโลกเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อห่วงโซ่อุปทานแป้งข้าวโพด เพราะจากประเทศที่เคยเป็นผู้ส่งออกข้าวโพดรายสำคัญได้เปลี่ยนไปเป็นผู้นำเข้าแทน เนื่องจากนโยบายการผลิตเอทานอลเชิงรุกของรัฐบาลที่ต้องการลดการพึ่งพานำเข้าน้ำมัน การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ความต้องการข้าวโพดภายในประเทศอินเดียเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้อุปทานข้าวโพดในตลาดโลกลดลงและทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย

สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงและผลกระทบต่อการเกษตร

ด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง จึงส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดทั่วโลก โดยเฉพาะภัยแล้งและน้ำท่วมที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกาและบราซิล ซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าวโพดรายใหญ่ของโลก อีกทั้งสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงรุนแรงยังจะทำให้เกิดปัญหาการจัดหาแป้งข้าวโพดที่ไม่มีความต่อเนื่อง เนื่องจากผลผลิตข้าวโพดมีความไม่แน่นอนมากขึ้น

นอกจากนี้ เกษตรกรจำเป็นต้องปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการเปลี่ยนพันธุ์ข้าวโพดและวิธีการเพาะปลูกใหม่ ๆ แม้ว่าการปรับตัวนี้จะช่วยรับมือกับปัญหาสภาพอากาศได้ แต่ก็ส่งผลกระทบต่อคุณภาพและปริมาณผลผลิตข้าวโพดที่ได้ ทำให้ห่วงโซ่อุปทานมีความผันผวนมากขึ้น

แนวโน้มการจัดหาแป้งข้าวโพดและปัจจัยที่ทำให้ต้นทุน
การผลิตแป้งข้าวโพดสูงขึ้น

การเพิ่มขึ้นของราคาข้าวโพดดิบ

ราคาข้าวโพดดิบมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะความต้องการจากอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ที่เป็นเสมือนแรงขับเคลื่อนหลัก โดยเฉพาะการเติบโตของภาคปศุสัตว์ในเอเชีย ขณะที่อุตสาหกรรมเอทานอลที่ขยายตัวตามนโยบายพลังงานสะอาดก็ดึงดูดอุปทานข้าวโพดออกจากตลาดอาหาร ประกอบกับพื้นที่เพาะปลูกที่ลดลงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้อุปทานตึงตัวและราคาปรับตัวสูงขึ้น

ค่าพลังงานและโลจิสติกส์ที่สูงขึ้น

กระบวนการผลิตแป้งข้าวโพดใช้พลังงานสูงตั้งแต่การแยกแป้งจากเมล็ดจนถึงการอบแห้ง เมื่อราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น ต้นทุนการผลิตก็เพิ่มตามไปด้วย นอกจากนี้ ค่าขนส่งทางทะเลยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจากวิกฤตโลกและการขาดแคลนคอนเทนเนอร์ ส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้า-ส่งออกสูงขึ้นอย่างมาก

ความต้องการจากอุตสาหกรรมใหม่

อุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ (Bioplastics) ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ผลักดันความต้องการแป้งข้าวโพดให้สูงขึ้น เนื่องจากเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตพลาสติกย่อยสลายได้ บวกกับกระแสความใส่ใจสิ่งแวดล้อมและกฎระเบียบที่เข้มงวดทำให้อุตสาหกรรมนี้ขยายตัวไปทั่วโลก ขณะเดียวกันธุรกิจด้าน Functional Foods และ Clean Label Products ก็ต้องการแป้งข้าวโพดดัดแปลงคุณภาพสูงมากขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้เกิดการแข่งขันด้านวัตถุดิบระหว่างอุตสาหกรรมต่าง ๆ ส่งผลให้ราคาแป้งข้าวโพดปรับตัวสูงขึ้นตามอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น

Sustainable corn starch procurement solutions by SCG International

SCG International: พาร์ทเนอร์ที่เชื่อถือได้สำหรับการจัดหาแป้งข้าวโพด

ในยุคที่ความไม่แน่นอนกลายเป็นเรื่องปกติ SCG International ไม่เพียงจัดหาแป้งข้าวโพดคุณภาพตามมาตรฐาน แต่ยังสนับสนุนให้ธุรกิจและ
การผลิตของลูกค้าในหลายประเทศเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่องแม้ในภาวะตลาดผันผวน ด้วยเครือข่ายซัพพลายเชนที่ยืดหยุ่นและพร้อมตอบสนอง
ความต้องการอย่างเหมาะสม

แป้งข้าวโพดหลากหลายเกรด : Native และ Modified Corn Starch

เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของอุตสาหกรรมต่าง ๆ SCG International พร้อมจัดหาแป้งข้าวโพดทั้งสองประเภทหลัก ได้แก่

  • Native Corn Starch : แป้งข้าวโพดธรรมชาติที่ไม่ผ่านการดัดแปลง เหมาะสำหรับการใช้งานพื้นฐานในอุตสาหกรรมอาหารและกระดาษ เช่น การทำให้ข้น การเพิ่มความหนืด และการยึดเกาะ

  • Modified Corn Starch : แป้งข้าวโพดที่ผ่านการปรับปรุงคุณสมบัติเฉพาะทาง เช่น ทนความร้อนสูง ทนกรด-ด่าง หรือมีความหนืดพิเศษ เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมเฉพาะทาง เช่น เภสัชกรรม เครื่องสำอาง และอาหารแปรรูปขั้นสูง

นอกเหนือจากแป้งข้าวโพดแล้ว เรายังมีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดหาแป้งมันสำปะหลัง (Tapioca/Cassava Starch) ที่มีข้อได้เปรียบด้านคุณภาพ ให้คุณมีทางเลือกที่หลากหลายสำหรับการใช้งานที่แตกต่างกันอีกด้วย

เครือข่ายซัพพลายเออร์ระดับโลกช่วยลดปัญหาด้านอุปทานและปัญหา
การจัดหาแป้งข้าวโพด

ด้วยเครือข่ายซัพพลายเออร์ที่ครอบคลุมกว่า 50 ประเทศ และมีความสัมพันธ์ระยะยาวกับผู้ผลิตชั้นนำทั่วโลก เราสามารถเข้าถึงแหล่งผลิตแป้งข้าวโพดคุณภาพสูงจากหลากหลายภูมิภาค

การมีเครือข่ายซัพพลายเออร์ที่กระจายอยู่ทั่วโลกเป็นกุญแจสำคัญในการบริหารความเสี่ยงด้านอุปทาน เมื่อแหล่งผลิตแห่งใดแห่งหนึ่งเผชิญกับปัญหา ไม่ว่าจะเป็นจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ความขัดแย้งทางการเมือง หรือปัญหาทางเทคนิค ความสามารถในการจัดหาจากแหล่งอื่นได้ทันท่วงทีจะช่วยให้การดำเนินธุรกิจไม่หยุดชะงัก

นอกจากนี้ การมีตัวเลือกซัพพลายเออร์คุณภาพที่หลากหลายยังช่วยเพิ่มอำนาจการต่อรองในการเจรจาราคาให้ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็สามารถรักษาคุณภาพของสินค้าแป้งให้สม่ำเสมอผ่านการคัดเลือกซัพพลายเออร์ที่มีมาตรฐานสูง

ความหลากหลายของแหล่งจัดหาแป้งข้าวโพด ช่วยแก้ปัญหาภาษีและบริหารความเสี่ยง

การมีซัพพลายเออร์จากหลายประเทศช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่น ไม่ติดขัด
– หลีกเลี่ยงปัญหาการเรียกเก็บภาษีและข้อจำกัดทางการค้า
– กระจายความเสี่ยงผ่านการจัดหาจากหลายแหล่ง
– ปรับเปลี่ยนแหล่งจัดหาได้อย่างยืดหยุ่นตามสถานการณ์

ทีมผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจตลาดช่วยจัดการความเสี่ยง

SCG International มีทีมผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจถึงแนวโน้มการจัดหาแป้งข้าวโพดในตลาดโลกอย่างลึกซึ้ง จึงสามารถรองรับความต้องการของผู้ประกอบการได้อย่างครบถ้วน

  • เลือกซัพพลายเออร์ที่เหมาะสม โดยพิจารณาจากสามปัจจัยหลักอย่างรอบคอบ คือ ด้านราคาที่แข่งขันได้ คุณภาพที่ตรงตามมาตรฐาน และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

  • วางแผนล่วงหน้าอย่างมีกลยุทธ์ ช่วยให้ลูกค้าลดความเสี่ยงเรื่องราคาผันผวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยข้อมูลวิเคราะห์ตลาดและการคาดการณ์แนวโน้มราคาอย่างแม่นยำ

  • ให้ข้อมูลและคำแนะนำเพื่อช่วยลูกค้าจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ทั้งด้านสภาพอากาศ การเมือง และสถานะของซัพพลายเออร์

การสนับสนุนการจัดการ Supply Chain แบบครบวงจร (Integrated Supply Chain Management Support)

  • ควบคุมคุณภาพตลอดกระบวนการจัดหาและขนส่ง ด้วยแนวทางตรวจสอบที่สม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ส่งมอบมีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด

  • สนับสนุนการขนส่งที่คุ้มค่าและเชื่อถือได้ ด้วยเครือข่ายผู้ให้บริการที่ได้รับการคัดสรรอย่างเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ เพิ่มความคล่องตัวและลดต้นทุนในการขนส่ง

  • การจัดการเอกสารและ Compliance ตามกฎระเบียบของแต่ละประเทศ ทีมงานมีความเชี่ยวชาญในกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศ ช่วยให้กระบวนการนำเข้า-ส่งออกเป็นไปอย่างราบรื่นและถูกต้องตามกฎหมาย

อย่าปล่อยให้ความไม่แน่นอนขัดขวางการเติบโตของธุรกิจ เลือกพาร์ทเนอร์ Corn Starch และ Tapioca Starch Supplier ระดับโลกอย่าง SCG International ติดต่อเราวันนี้เพื่อปรึกษาโซลูชันการจัดหา Corn Starch และ Tapioca Starch ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ พร้อมรับคำแนะนำจากทีมผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจตลาดและความต้องการของคุณอย่างลึกซึ้ง

The post โซลูชันจัดหาแป้งข้าวโพด ในยุคที่โลกมีความผันผวน appeared first on SCG International.

]]>
Ember Cafe & Wine: คาเฟ่และไวน์บาร์สุดล้ำ ที่เปลี่ยนแรงบันดาลใจจากธรรมชาติให้เป็นสถาปัตยกรรมจริง ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติจาก SCG https://scginternational.com/th/success-stories-th/ember-cafe-wine-combines-nature-inspired-architecture-with-scg-3d-printed-construction-th/ Tue, 22 Jul 2025 04:54:39 +0000 https://scginternational.com/?p=20458 ในย่านพระราม 9 ใจกลางกรุงเทพฯ Ember Cafe & Wine ได้มอบประสบการณ์ที่ผสานศิลปะการปรุงอาหารเข้ากับนวัตกรรมทางสถาปัตยกรรมอย่างลงตัว โดยแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากลวดลายอันพลิ้วไหวของหุบเขาแอนเทอโลปแคนยอน (Antelope Canyon) สร้างสรรค์ออกมาเป็นโครงสร้างร้านชั้นเดียวที่สะท้อนรูปทรงของธรรมชาติในมุมมองใหม่ ผ่านกระบวนการออกแบบดิจิทัลและการก่อสร้างด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ โดยใช้ปูนมอร์ตาร์สูตรพิเศษสำหรับเครื่องพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing Mortar) จาก SCG Ember Cafe & Wine ตั้งอยู่ในซอยพระราม 9 ซอย 43 เปิดประสบการณ์ให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับบรรยากาศที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิประเทศทางธรรมชาติ ผสานกับงานก่อสร้างที่เปี่ยมด้วยความแม่นยำ เส้นโค้งที่เป็นธรรมชาติและพื้นผิวที่มีมิติของร้าน ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงการตกแต่ง แต่กลับเป็นหัวใจหลักของโครงสร้างอาคาร ด้วยการใช้ปูนมอร์ตาร์สำหรับเครื่องพิมพ์สามมิติของ SCG ทำให้สามารถถ่ายทอดงานออกแบบทางสถาปัตยกรรมในระดับที่วิธีการก่อสร้างแบบเดิมยากจะเลียนแบบได้ 3D Printing สร้างรูปทรงธรรมชาติสู่งานสถาปัตยกรรมจริง ภายนอกของ Ember Cafe & Wine โดดเด่นด้วยเส้นโค้งและรูปทรงที่ออกแบบอย่างประณีต เพิ่มความสวยงามน่าดึงดูด โดยได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิทัศน์ธรรมชาติ ความโค้งเหล่านี้เป็นไปได้ด้วย เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติขั้นสูงของ SCG [...]

The post Ember Cafe & Wine: คาเฟ่และไวน์บาร์สุดล้ำ ที่เปลี่ยนแรงบันดาลใจจากธรรมชาติให้เป็นสถาปัตยกรรมจริง ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติจาก SCG appeared first on SCG International.

]]>

ในย่านพระราม 9 ใจกลางกรุงเทพฯ Ember Cafe & Wine ได้มอบประสบการณ์ที่ผสานศิลปะการปรุงอาหารเข้ากับนวัตกรรมทางสถาปัตยกรรมอย่างลงตัว โดยแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากลวดลายอันพลิ้วไหวของหุบเขาแอนเทอโลปแคนยอน (Antelope Canyon) สร้างสรรค์ออกมาเป็นโครงสร้างร้านชั้นเดียวที่สะท้อนรูปทรงของธรรมชาติในมุมมองใหม่ ผ่านกระบวนการออกแบบดิจิทัลและการก่อสร้างด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ โดยใช้ปูนมอร์ตาร์สูตรพิเศษสำหรับเครื่องพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing Mortar) จาก SCG

Ember Cafe & Wine ตั้งอยู่ในซอยพระราม 9 ซอย 43 เปิดประสบการณ์ให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับบรรยากาศที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิประเทศทางธรรมชาติ ผสานกับงานก่อสร้างที่เปี่ยมด้วยความแม่นยำ เส้นโค้งที่เป็นธรรมชาติและพื้นผิวที่มีมิติของร้าน ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงการตกแต่ง แต่กลับเป็นหัวใจหลักของโครงสร้างอาคาร ด้วยการใช้ปูนมอร์ตาร์สำหรับเครื่องพิมพ์สามมิติของ SCG ทำให้สามารถถ่ายทอดงานออกแบบทางสถาปัตยกรรมในระดับที่วิธีการก่อสร้างแบบเดิมยากจะเลียนแบบได้

Ember cafe and wine - rama 9
SCG 3D Printing Project in rama 9

3D Printing สร้างรูปทรงธรรมชาติสู่งานสถาปัตยกรรมจริง

ภายนอกของ Ember Cafe & Wine โดดเด่นด้วยเส้นโค้งและรูปทรงที่ออกแบบอย่างประณีต เพิ่มความสวยงามน่าดึงดูด โดยได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิทัศน์ธรรมชาติ ความโค้งเหล่านี้เป็นไปได้ด้วย เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติขั้นสูงของ SCG ที่ใช้วัสดุประเภทปูนมอร์ตาร์ ทำให้สามารถสร้างเส้นโค้งและรูปทรงอิสระต่างๆ อย่างไร้รอยต่อ ก่อนนำมาประกอบหน้างานอย่างมีประสิทธิภาพ

ผิวอาคารสีส้มอมน้ำตาลสะท้อนถึงเฉดสีของภูมิประเทศทะเลทราย ขณะที่รูปทรงคลื่นของผนังภายนอกอาคาร (undulating façade) ไม่เพียงสร้างความโดดเด่นทางสายตา แต่ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพในการควบคุมความร้อน ส่วนภายในอาคาร แสงธรรมชาติส่องผ่านช่องรับแสงทรงโค้งเหนือศีรษะ สร้างเงาที่แปรเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาของวัน เชื่อมโยงประสบการณ์ของผู้ใช้ภายในร้านกับความงดงามของธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง

เทคโนโลยีเครื่องพิมพ์สามมิติที่ใช้ปูนมอร์ต้า (mortar-based 3D printing technology) ของ SCG ไม่เพียงเปิดโอกาสให้ออกแบบรูปทรงอาคารได้อย่างอิสระเท่านั้น แต่ยังช่วยร่นระยะเวลาก่อสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพด้านความยั่งยืนในทุกขั้นตอน โดย SCG ระบุว่า วิธีการนี้สามารถลดเวลาการก่อสร้างได้ถึง 30% ลดเศษวัสดุเหลือทิ้งได้ 70% และช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ลงได้ประมาณ 1,000 กิโลกรัม

Ember cafe and wine by SCG 3D Printing Mortar
Ember cafe and wine rama 9 Thailand

ดีไซน์ที่ผสานฟังก์ชันอย่างลงตัว

การออกแบบภายในยังคงถ่ายทอดแนวทางการออกแบบของอาคารอย่างต่อเนื่อง ผนังที่ลาดเอียงอย่างนุ่มนวลและพื้นผิวที่มีมิติช่วยสร้างจังหวะทางสายตาที่ไหลลื่น ดึงสายตาให้มองขึ้นไปยังแสงธรรมชาติด้านบน องค์ประกอบเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการแกะสลักหรือขึ้นรูปด้วยมือ แต่ถูกสร้างขึ้นอย่างแม่นยำในโครงสร้างอาคาร ตั้งแต่กระบวนการพิมพ์ 3 มิติ

ทั่วทั้งพื้นที่ของร้าน งานออกแบบถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์ทั้งความสวยงามและฟังก์ชันการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น ห้องเก็บไวน์ของคาเฟ่ ซึ่งใช้ผนังพิมพ์สามมิติ (3D printed walls) เพื่อช่วยควบคุมอุณหภูมิภายในห้อง โดยคุณสมบัติในการเก็บรักษาความเย็นของผนัง ทำให้อุณหภูมิภายในห้องต่ำกว่าบริเวณโดยรอบ 3–5°C และสามารถรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับเก็บไวน์ไว้ที่ช่วง 15–18°C ซึ่งเป็นช่วงอุณหภูมิสำคัญในการคง

Ember caffe and wine - Calvin Fong - designed by SCG 3D Printing
western restaurant in rama 9 thailand

แนวคิดที่รังสรรค์จากศิลปะแห่งอาหาร

แนวคิดเบื้องหลัง Ember Café & Wine มาจากสองผู้ร่วมก่อตั้ง คุณ Calvin Fong และหุ้นส่วน ที่มีวิสัยทัศน์อันเกิดจากความหลงใหลในศิลปะการทำอาหาร พวกเขานำแรงบันดาลใจจากศาสตร์การปรุงอาหารตะวันตก มาผสมผสานกับความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องไวน์และการแปรรูปวัตถุดิบอย่างประณีต

“เมนูของเราคืองานศิลป์ที่ถ่ายทอดผ่านเปลวไฟ” Fong กล่าว “เช่นเดียวกับภูมิทัศน์ภูเขาไฟที่เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบร้าน ดังนั้นอาหารแต่ละจานของเราจึงถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน ถ่ายทอดรสชาติที่ลึกซึ้ง และยกระดับประสบการณ์ผ่านการปรุงด้วยเปลวไฟ”

ความใส่ใจในรายละเอียดของ Ember Cafe & Wine ไม่ได้จำกัดอยู่แค่บนจานอาหารเท่านั้น แต่คาเฟ่แห่งนี้ยังเป็น สตูดิโอสอนทำอาหาร และสถานที่พบปะสำหรับผู้ที่หลงใหลในอาหารและการออกแบบ พร้อมจัดกิจกรรมพิเศษอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นงานชิมไวน์ คลาสสอนทำอาหารโดยเชฟ และอีเวนต์พิเศษที่คัดสรรมาแล้วอย่างดี

3D Printed design cafe in rama 9 Thailand
Ember Cafe & Wine 3D Printed Design Meets Nature-Inspired Architecture

เวทีสร้างสรรค์งานออกแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน

การนำเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์สามมิติด้วยปูนมอร์ต้าร์จาก SCG มาใช้ ทำให้ Ember Cafe & Wine ไม่ได้เป็นเพียงแค่ร้านอาหารและคาเฟ่ แต่ยังทำหน้าที่เป็นต้นแบบแห่งความเป็นไปได้ของแนวคิด (Proof of Concept) ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการก่อสร้างด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติ ในการรังสรรรูปทรงอิสระ ลดความซับซ้อนของแรงงาน และเชื่อมโยงเป้าหมายด้านสถาปัตยกรรมควบคู่ไปกับความยั่งยืนได้อย่างลงตัว

ตั้งแต่ขั้นตอนออกแบบไปจนถึงการประกอบหน้างาน ทุกองค์ประกอบของ Ember สะท้อนถึงความสมดุลระหว่างความคิดสร้างสรรค์และฟังก์ชันการใช้งานจริง โดยอาศัยกระบวนการก่อสร้างที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โครงการนี้แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เป็นไปได้ เมื่อกระบวนการก่อสร้างขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลควบคู่กับการวิจัยและพัฒนาวัสดุอย่างต่อเนื่อง

สำหรับนักพัฒนาโครงการและสถาปนิกที่สนใจการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ พร้อมมุ่งเน้นกระบวนการก่อสร้างอย่างยั่งยืน และใช้วัสดุอย่างมีประสิทธิภาพ โซลูชัน 3D Printing ของ SCG ช่วยเปิดมุมมองใหม่ให้กับการออกแบบและก่อสร้างได้อย่างยืดหยุ่น หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เทคโนโลยีปูนมอร์ต้าร์ที่ใช้กับเครื่องพิมพ์สามมิติ (mortar-based 3D printing) ของ SCG สำหรับโครงการถัดไปของคุณ ติดต่อได้ที่ pattarut@scg.com

The post Ember Cafe & Wine: คาเฟ่และไวน์บาร์สุดล้ำ ที่เปลี่ยนแรงบันดาลใจจากธรรมชาติให้เป็นสถาปัตยกรรมจริง ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติจาก SCG appeared first on SCG International.

]]>
SCG International แสดงสินค้าไทยในงาน Thailand Week 2025 บังกลาเทศ https://scginternational.com/th/news/scg-international-showcases-thai-products-at-thailand-week-2025-in-bangladesh-th/ Wed, 16 Jul 2025 04:04:12 +0000 https://scginternational.com/?p=20221 SCG International ร่วมจัดโชว์แสดงศักยภาพสินค้า ในงาน Thailand Week 2025 in Bangladesh จัดขึ้นโดยกระทรวงพาณิชย์ (DITP: Department of International Trade Promotion) ระหว่างวันที่ 10-12 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรมแพนแปซิฟิก โซนาร์กาออน กรุงดากา ประเทศบังกลาเทศ โดยมีนักธุรกิจ ผู้ผลิต ผู้นำเข้า และตัวแทนจากทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมกว่า 4,000–5,000 คนต่อวัน โดย SCG International ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กระเบื้องเซรามิก และเครื่องจักรทางการเกษตร เพื่อส่งเสริมสินค้าและบริการของไทยในตลาดบังกลาเทศ รวมถึงแสวงหาโอกาสในการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจใหม่ๆ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ การเข้าร่วมงานจัดแสดงสินค้าในครั้งนี้ SCG International มุ่งมั่นในการพัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ๆ ในกลุ่มนักธุรกิจ ผู้ผลิต และผู้นำเข้า พร้อมทั้งขับเคลื่อนธุรกิจด้วยสินค้านวัตกรรมคุณภาพสูง และการมอบโซลูชันบริหารจัดการซัพพลายเชนที่ยืดหยุ่น เพื่อตอบโจทย์การมุ่งเน้นขยายตลาดและเติบโตบนเวทีการค้าระดับโลกอย่างยั่งยืน [...]

The post SCG International แสดงสินค้าไทยในงาน Thailand Week 2025 บังกลาเทศ appeared first on SCG International.

]]>

SCG International ร่วมจัดโชว์แสดงศักยภาพสินค้า ในงาน Thailand Week 2025 in Bangladesh จัดขึ้นโดยกระทรวงพาณิชย์ (DITP: Department of International Trade Promotion) ระหว่างวันที่ 10-12 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรมแพนแปซิฟิก โซนาร์กาออน กรุงดากา ประเทศบังกลาเทศ โดยมีนักธุรกิจ ผู้ผลิต ผู้นำเข้า และตัวแทนจากทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมกว่า 4,000–5,000 คนต่อวัน โดย SCG International ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กระเบื้องเซรามิก และเครื่องจักรทางการเกษตร เพื่อส่งเสริมสินค้าและบริการของไทยในตลาดบังกลาเทศ รวมถึงแสวงหาโอกาสในการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจใหม่ๆ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ

การเข้าร่วมงานจัดแสดงสินค้าในครั้งนี้ SCG International มุ่งมั่นในการพัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ๆ ในกลุ่มนักธุรกิจ ผู้ผลิต และผู้นำเข้า พร้อมทั้งขับเคลื่อนธุรกิจด้วยสินค้านวัตกรรมคุณภาพสูง และการมอบโซลูชันบริหารจัดการซัพพลายเชนที่ยืดหยุ่น เพื่อตอบโจทย์การมุ่งเน้นขยายตลาดและเติบโตบนเวทีการค้าระดับโลกอย่างยั่งยืน

SCG International at Thailand Week 2025 in Bangladesh (2)
SCG International at Thailand Week 2025 in Bangladesh
SCG International's booth at Thailand Week 2025 in Bangladesh
SCG International's booth at Thailand Week 2025 in Bangladesh

The post SCG International แสดงสินค้าไทยในงาน Thailand Week 2025 บังกลาเทศ appeared first on SCG International.

]]>
ร่วมมือโรบินสัน ติดตั้งโคมไฟอัจฉริยะกว่า 21 สาขา https://scginternational.com/th/news/solar-street-light-robinson/ Mon, 07 Jul 2025 10:07:04 +0000 https://scginternational.com/?p=19977 เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จับมือกับศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ตั้งเป้ามุ่งสู่การทำธุรกิจแบบ Net Zero ผ่านการมอบโซลูชันติดตั้งโคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์อัจฉริยะ (LED Solar Street Light) ให้กับศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์กว่า 27 สาขาทั่วประเทศ ความร่วมมือในครั้งนี้นำโดยนายพิษณุ มิลินทานุช Emerging Business and Partnership Director จาก เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น และนายณัฐวัฒน์ รัชพงศ์กุลยศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานการตลาดศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ร่วมกันมุ่งสู่การดำเนินธุรกิจสีเขียวให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเป็น Net Zero โคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์อัจฉริยะ (LED Solar Street Light) เป็นการใช้พลังงานสะอาดจากการเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ไว้ในแบตเตอรี่ลิเธียม (Lithium Battery) ภายในโคม ทำให้สามารถดึงพลังงานที่เก็บไว้ในแบตเตอรี่มาใช้ได้ทั้งตอนกลางวันและกลางคืน ซึ่งนับเป็นการดึงพลังงานสะอาดมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยการติดตั้งโคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์อัจฉริยะ (LED Solar Street Light) จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการใช้ไฟฟ้ากว่า [...]

The post ร่วมมือโรบินสัน ติดตั้งโคมไฟอัจฉริยะกว่า 21 สาขา appeared first on SCG International.

]]>

เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จับมือกับศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ตั้งเป้ามุ่งสู่การทำธุรกิจแบบ Net Zero ผ่านการมอบโซลูชันติดตั้งโคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์อัจฉริยะ (LED Solar Street Light) ให้กับศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์กว่า 27 สาขาทั่วประเทศ ความร่วมมือในครั้งนี้นำโดยนายพิษณุ มิลินทานุช Emerging Business and Partnership Director จาก เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น และนายณัฐวัฒน์ รัชพงศ์กุลยศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานการตลาดศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ร่วมกันมุ่งสู่การดำเนินธุรกิจสีเขียวให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเป็น Net Zero

โคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์อัจฉริยะ (LED Solar Street Light) เป็นการใช้พลังงานสะอาดจากการเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ไว้ในแบตเตอรี่ลิเธียม (Lithium Battery) ภายในโคม ทำให้สามารถดึงพลังงานที่เก็บไว้ในแบตเตอรี่มาใช้ได้ทั้งตอนกลางวันและกลางคืน ซึ่งนับเป็นการดึงพลังงานสะอาดมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยการติดตั้งโคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์อัจฉริยะ (LED Solar Street Light) จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการใช้ไฟฟ้ากว่า 2 ล้านบาท และสามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณกว่า 200 ตัน จากการลดการใช้พลังงานไฟฟ้าจากการเผาไหม้ ถ่านหิน หรือก๊าซธรรมชาติ

เอสซีจี อินเตอร์เนชันแนล ดำเนินการติดตั้งโคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์อัจฉริยะครอบคลุมศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ไปแล้วกว่า 21 สาขา และภายในปี 2568 วางแผนพร้อมดำเนินการติดตั้งให้ครบ 27 สาขาทั่วประเทศ และมุ่งมั่นที่จะนำเสนอทางเลือกด้านพลังงานสะอาด เพื่อร่วมเป็นพลังในการขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจสีเขียวควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

Accelerate Net-Zero Goals with LED Solar Street Light Solutions by SCG International
LED Solar Street Light by SCG International- Robinson
Accelerate Net-Zero Goals with LED Solar Street Light Solutions by SCG International
Accelerate Net-Zero Goals with LED Solar Street Light Solutions by SCG International

The post ร่วมมือโรบินสัน ติดตั้งโคมไฟอัจฉริยะกว่า 21 สาขา appeared first on SCG International.

]]>
สยามซิกเนเจอร์เสนออาหารไทยและอาเซียนสู่ตลาดโลกผ่านงานจัดแสดงสินค้า Thaifex Anuga Asia 2025 https://scginternational.com/th/news/siamsignature-thaifex-2025/ Thu, 05 Jun 2025 04:46:33 +0000 https://scginternational.com/?p=19027 Siam Signature นำสินค้าอาหารไทยและอาเซียนสู่เวทีระดับโลก ในงาน Thaifex Anuga Asia 2025 งานแสดงสินค้าอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 พฤษภาคม 2568 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี การเข้าร่วมงานในครั้งนี้นำโดยคุณพิษณุ มิลินทานุช (Emerging Business and Partnership Director) และคุณณฐารินทร์ กำปั่นทอง (Food and Beverage Manager) พร้อมทีมงาน โดยมีเป้าหมายสำคัญในการผลักดันกลุ่มผลิตภัณฑ์ Premium Thai Selections สู่ตลาดต่างประเทศ พร้อมทั้งเปิดโอกาสในการพบปะกับซัพพลายเออร์และพันธมิตรใหม่ ๆ เพื่อขยายความร่วมมือทางธุรกิจในระดับสากล ภายในงานนี้ SCG International ได้รับเกียรติจาก H.E. Edirisinghe Arachchilage Sriyani Wijayanthi Edirisinghe (เอกอัครราชทูตศรีลังกาประจำประเทศไทย) และคุณกลินท์ สารสิน (ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย) เข้าเยี่ยมชมบูธและให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์ โดยภายในบูธได้มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารหลากหลายประเภท [...]

The post สยามซิกเนเจอร์เสนออาหารไทยและอาเซียนสู่ตลาดโลกผ่านงานจัดแสดงสินค้า Thaifex Anuga Asia 2025 appeared first on SCG International.

]]>

Siam Signature นำสินค้าอาหารไทยและอาเซียนสู่เวทีระดับโลก ในงาน Thaifex Anuga Asia 2025 งานแสดงสินค้าอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 พฤษภาคม 2568 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี

การเข้าร่วมงานในครั้งนี้นำโดยคุณพิษณุ มิลินทานุช (Emerging Business and Partnership Director) และคุณณฐารินทร์ กำปั่นทอง (Food and Beverage Manager) พร้อมทีมงาน โดยมีเป้าหมายสำคัญในการผลักดันกลุ่มผลิตภัณฑ์ Premium Thai Selections สู่ตลาดต่างประเทศ พร้อมทั้งเปิดโอกาสในการพบปะกับซัพพลายเออร์และพันธมิตรใหม่ ๆ เพื่อขยายความร่วมมือทางธุรกิจในระดับสากล

ภายในงานนี้ SCG International ได้รับเกียรติจาก H.E. Edirisinghe Arachchilage Sriyani Wijayanthi Edirisinghe (เอกอัครราชทูตศรีลังกาประจำประเทศไทย) และคุณกลินท์ สารสิน (ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย) เข้าเยี่ยมชมบูธและให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์

โดยภายในบูธได้มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารหลากหลายประเภท อาทิ ขนม เครื่องดื่ม อาหารสำเร็จรูป ผลไม้สด วัตถุดิบ และเครื่องปรุงรส ซึ่งได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากกลุ่มผู้เข้าร่วมงานทั้งในกลุ่ม B2B ที่มองหาสินค้าคุณภาพสำหรับจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ และผู้ผลิตในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่ต้องการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ

การเข้าร่วมงาน Thaifex Anuga Asia 2025 ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ SCG International ในการแสดงศักยภาพและขยายโอกาสสู่ตลาดโลก พร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นในการส่งเสริมอาหารไทยและอาเซียนให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล

Customomer visit siam signature booth at thaifex anuga asia 2025
Customer visit siam signature booth at thaifex anuga asia
scg international F&B team and customer in thaifec anuga asia 2025
Siam signature by SCG International at thaifex anuga 2025
Siam signature by SCG International at thaifex anuga 2025_1
Siam signature by SCG International at thaifex anuga 2025_F&B team

The post สยามซิกเนเจอร์เสนออาหารไทยและอาเซียนสู่ตลาดโลกผ่านงานจัดแสดงสินค้า Thaifex Anuga Asia 2025 appeared first on SCG International.

]]>
เอสซีจี โชว์นวัตกรรมก่อสร้างกับผู้เข้าร่วมงาน Intercem ณ SCG Home Experience ประเทศไทย https://scginternational.com/th/news/showcase-scg-experience/ Fri, 16 May 2025 11:52:06 +0000 https://scginternational.com/?p=18575 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา เอสซีจีนำผู้เข้าร่วมงาน Intercem Asia 2025 เข้าชมนวัตกรรมสินค้าและเทคโนโลยีด้านการก่อสร้าง ณ SCG Home Experience เพื่อสัมผัสนวัตกรรมสินค้าและเทคโนโลยีด้านการก่อสร้างที่ทันสมัยจากเอสซีจีอย่างใกล้ชิด ได้รับความสนใจจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศอย่างล้นหลาม การเยี่ยมชมในครั้งนี้ไม่เพียงมุ่งเน้นการถ่ายทอดประสบการณ์ด้านนวัตกรรม แต่ยังสะท้อนถึงแนวทางในการต่อยอด ความร่วมมือทางธุรกิจในอนาคต โดยมีการจัดแสดงโซลูชันก่อสร้างที่น่าสนใจ ได้แก่ SCG LC3 Structure Cement : ปูนโครงสร้างคาร์บอนต่ำ ที่สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ได้ถึง 38% SCG 3D Printing : เทคโนโลยีการพิมพ์โครงสร้างสามมิติด้วยปูนคาร์บอนต่ำ รองรับงานก่อสร้างที่มีรูปทรงซับซ้อนได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ TORA S–ONE : เครื่องพ่นฉาบปูนระบบดีเซลอัตโนมัติ เพิ่มความเร็วในการฉาบได้ถึง 40% และช่วยลดต้นทุนการก่อสร้างได้กว่า 20% การเยี่ยมชมในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของเอสซีจี ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมก่อสร้างที่พร้อมรับโอกาสใหม่ [...]

The post เอสซีจี โชว์นวัตกรรมก่อสร้างกับผู้เข้าร่วมงาน Intercem ณ SCG Home Experience ประเทศไทย appeared first on SCG International.

]]>

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา เอสซีจีนำผู้เข้าร่วมงาน Intercem Asia 2025 เข้าชมนวัตกรรมสินค้าและเทคโนโลยีด้านการก่อสร้าง ณ SCG Home Experience เพื่อสัมผัสนวัตกรรมสินค้าและเทคโนโลยีด้านการก่อสร้างที่ทันสมัยจากเอสซีจีอย่างใกล้ชิด ได้รับความสนใจจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศอย่างล้นหลาม

การเยี่ยมชมในครั้งนี้ไม่เพียงมุ่งเน้นการถ่ายทอดประสบการณ์ด้านนวัตกรรม แต่ยังสะท้อนถึงแนวทางในการต่อยอด ความร่วมมือทางธุรกิจในอนาคต โดยมีการจัดแสดงโซลูชันก่อสร้างที่น่าสนใจ ได้แก่

  • SCG LC3 Structure Cement : ปูนโครงสร้างคาร์บอนต่ำ ที่สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ได้ถึง 38%

  • SCG 3D Printing : เทคโนโลยีการพิมพ์โครงสร้างสามมิติด้วยปูนคาร์บอนต่ำ รองรับงานก่อสร้างที่มีรูปทรงซับซ้อนได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

  • TORA S–ONE : เครื่องพ่นฉาบปูนระบบดีเซลอัตโนมัติ เพิ่มความเร็วในการฉาบได้ถึง 40% และช่วยลดต้นทุนการก่อสร้างได้กว่า 20%

การเยี่ยมชมในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของเอสซีจี ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมก่อสร้างที่พร้อมรับโอกาสใหม่ ๆ สำหรับความร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมทั้งในไทยและระดับสากล

SCG Experience tour
SCG Experience tour (1)
SCG Experience tour (2)
SCG Experience tour (3)
SCG Experience tour (4)
SCG Experience tour (5)
SCG Experience tour (7)
SCG Experience tour (6)

The post เอสซีจี โชว์นวัตกรรมก่อสร้างกับผู้เข้าร่วมงาน Intercem ณ SCG Home Experience ประเทศไทย appeared first on SCG International.

]]>